ความยากลำบากในการซื้อขาย Forex คือการแยกแยะทิศทางตลาดในลักษณะเป็นขาขึ้น ขาลง หรืออยู่ในช่วงพักตัว อีกทั้งยังต้องเอาชนะจุดอ่อนทางจิตใจในการซื้อขายแบบสวนทาง โดยต้องสะสมประสบการณ์เพื่อเพิ่มความรู้ รวมถึงการวิเคราะห์พื้นฐานและเทคนิคอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งไม่มีทางลัดใด ๆ ที่จะทำได้。
ในระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน สภาวะตลาด Forex แบ่งออกเป็นสามประเภท ได้แก่ ขาขึ้น ขาลง และช่วงพักตัว ในตลาด Forex ช่วงพักตัวมีสัดส่วนประมาณ 70%-80% ของวันที่มีการซื้อขาย ในขณะที่ส่วนที่เหลือ 20%-30% เป็นขาขึ้นหรือขาลง ในช่วงพักตัว นักลงทุนจะต้องค่อย ๆ ระบุช่วงของการพักตัวให้ได้ และดำเนินการซื้อขายในระดับบนสุดและระดับล่างสุด กล่าวคือ การซื้อในราคาต่ำขายในราคาแพงเพื่อสร้างกำไร และความเสี่ยงจะไม่มากนัก นักลงทุนสามารถดำเนินการตามกลยุทธ์การหยุดขาดทุนอย่างมีเหตุผล จนถึงการเพิ่มจำนวนการลงทุนเพื่อสร้างผลกำไรที่มากขึ้น。
อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากในตลาดยังคงอยากที่จะจับจังหวะขาขึ้นหรือขาลงในสัดส่วน 20%-30% เพื่อการซื้อขายตามแนวโน้ม สาเหตุหลักมาจากผลกำไรที่ได้จากการดำเนินการตามแนวโน้มมีความน่าสนใจมาก และจำนวนการหยุดขาดทุนนั้นมีน้อย ส่งผลให้ต้นทุนเพิ่มเติมลดลงอย่างมาก นอกจากนี้ผู้ที่ทำตามแนวโน้มเพียงแค่ดำเนินการตามแนวโน้มที่มีอยู่แล้วก็ถือเป็นประเภทที่จัดว่า “ง่ายทั้งการรู้และการทำ” ซึ่งทำให้ผู้คนในตลาดเชื่อว่า “แนวโน้มคือเพื่อนของคุณ” (Trend is your friend) อย่างไรก็ตาม ในการซื้อขายจริงมีสองปัญหาคือ การแยกแยะทิศทางตลาดให้ถูกต้อง และความยากในการเอาชนะจุดอ่อนทางจิตใจในการซื้อขายสวนทาง。
นักลงทุนในตลาด Forex ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายซื้อหรือขาย ควรเป็นพื้นฐานที่มีการคาดการณ์เกี่ยวกับราคาของสินทรัพย์ที่ลงทุนไว้ก่อน จากนั้นจึงกำหนดกลยุทธ์การลงทุนและทิศทางการดำเนินการ เช่น เมื่อนักลงทุนมองเห็นค่าของดอลลาร์สหรัฐต่อเงินเยน แสดงว่านักลงทุนเชื่อว่าดอลลาร์จะมีแนวโน้มตลาดขาขึ้น ในขณะที่เยนมีแนวโน้มขาลง ดังนั้นควรซื้อดอลลาร์และขายเยน ซึ่งก็คือการอยู่ฝ่ายดอลลาร์ที่เป็นขาขึ้นและเยนที่เป็นขาลง หากการคาดการณ์นี้ถูกต้อง นักลงทุนจะสามารถทำกำไรได้。
ผู้วิเคราะห์พื้นฐานเชื่อว่าความแข็งแกร่งของสกุลเงินสะท้อนถึงสภาพเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งถึงแม้จะมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจมาแทรกแซง ทำให้มีความผันผวนชั่วคราว แต่ในระยะยาว ราคาจะกลับคืนสู่ระดับที่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ เมื่อพูดถึงการวัดสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เราต้องใช้วิธีเปรียบเทียบ เช่น หากคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 1996 ของสหรัฐอเมริกาที่ 3% สำหรับผู้วิเคราะห์พื้นฐาน ข้อมูลนี้ไม่สามารถใช้ตัดสินได้ว่าดอลลาร์ควรจะแข็งค่าหรืออ่อนค่า แต่ควรเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีที่แล้วและเปรียบเทียบกับประเทศชั้นนำเช่น เยอรมันและญี่ปุ่น
ข้อมูลที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่หลายคนเรียกว่าตัวชี้วัดเศรษฐกิจ นอกจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว ยังรวมถึงข้อมูลด้านอื่น ๆ เช่น การขาดดุลการค้า การขาดดุลงบประมาณ ปริมาณเงินที่หมุนเวียนในระบบ เศรษฐกิจ ดัชนีราคาผู้บริโภค ค่าเฉลี่ยราคาผู้ผลิต อัตราการว่างงาน อัตราการสร้างบ้าน ตัวชี้วัดที่สำคัญอื่น ๆ
นักลงทุนในตลาดต่างประเทศ จะมีการจัดตั้งหน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจเพื่อตรวจสอบสภาวะเศรษฐกิจในประเทศต่าง ๆ ซึ่งในช่วงก่อนที่หน่วยงานรัฐบาล เช่น สหรัฐอเมริกาจะประกาศตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญ นักลงทุนในตลาดจะเร่งดำเนินการชำระบัญชีหรือปรับลดขนาดการถือครองในตลาด Forex มีบรรยากาศราวกับเตรียมเข้าสู่สงครามและผู้ควบคุมจะเฝ้าติดตามตลอดทั้งคืน ดูจากสภาพหลังการประกาศตัวชี้วัดเศรษฐกิจ จะเห็นได้ว่า การวิเคราะห์พื้นฐานมีอิทธิพลสำคัญต่อการซื้อขายในตลาด Forex
การใช้การวิเคราะห์พื้นฐานในการคาดการณ์แนวโน้มในระยะกลางและระยะยาว ในระยะเวลา 6 เดือน 1 ปี หรือ 2 ปี ถือว่าถูกต้อง อย่างไรก็ตามจากการที่ระบบทองคำถูกยกเลิกไป ตั้งแต่การที่มีอัตราแลกเปลี่ยน ราคาที่หมุนเวียนอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยอื่น ๆ อาทิเช่น ขนาดของตลาด Forex ที่เพิ่มขึ้น ผู้ลงทุนใน Forex เพิ่มมากขึ้น โดยปริมาณการซื้อขายในตลาด Forex ได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1994 อยู่ที่ 800 พันล้านดอลลาร์ เป็น 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 1995 และ 1996 โดยเฉลี่ย 80% หรือประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นการซื้อขายในลักษณะเดิม。
การคาดการณ์เกี่ยวกับค่าเงินที่เหมาะสมยังคงมีการอ้างอิงถึงทฤษฎีเสมอในตำราเรียนเกี่ยวกับ “Parity of Purchasing Power” ที่ชัดเจน โดยทฤษฎีนี้ถือว่ามีความสัมพันธ์กับปริมาณสินค้าที่สามารถซื้อได้ โดยใช้จำนวนเงินเท่ากันในแต่ละประเทศ อย่างเช่น การซื้อไข่และใช้เงิน 1 ดอลลาร์ในอเมริกา 100 เยนในญี่ปุ่นและ 1.5 มาร์คในเยอรมัน ก็พูดได้ว่า 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 100 เยน และ 1.5 มาร์ค แต่ถ้าหากนำทฤษฎีนี้ไปเปรียบเทียบกับค่าเงินที่ใช้ในปัจจุบัน จะพบว่าค่าเงินบางตัวได้รับการประเมินให้สูงกว่าหรือต่ำกว่า นอกจากนี้ มูลค่าทางการเงินของสินค้าแตกต่างกันสามารถส่งผลต่อปริมาณการใช้จ่ายในซึ่งค่าหมายเลขปกติอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ต่อ 100 เยนและ 1.5 มาร์ค ซึ่งมีความแตกต่างกันระหว่างการวิเคราะห์ราคาของสินค้าที่นายหน้าจะใช้
2024-11-18
การลงทุนในตลาดฟอเร็กซ์ควรเริ่มจากการเข้าใจพื้นฐาน เช่น สถานะกองทุนเงินสำรองและระดับหนี้ต่างประเทศ เพื่อประเมินสภาพเศรษฐกิจอย่างถูกต้อง
ฟอเร็กซ์การลงทุนพื้นฐานกองทุนเงินสำรองหนี้ต่างประเทศตลาดเงิน
2024-11-18
ตารางคำศัพท์ภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่เกี่ยยวข้องกับการลงทุนในตลาด Forex เพื่อช่วยนักลงทุนใหม่ในการทำความเข้าใจคำศัพท์ทางการเงินที่สำคัญ
การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราคำศัพท์ทางการเงินForexคำศัพท์ตารางคำศัพท์
2024-11-18
คู่มือการเริ่มต้นการซื้อขายฟอเร็กซ์ เรียนรู้เกี่ยวกับฟอเร็กซ์ อัตราแลกเปลี่ยนและการซื้อขายฟอเร็กซ์ พื้นฐานที่ควรรู้
ฟอเร็กซ์การซื้อขายฟอเร็กซ์อัตราแลกเปลี่ยนการซื้อขายสกุลเงินตลาดฟอเร็กซ์
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
เรื่องที่น่ารู้
forex-directory คือเว็บไซต์ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin และ Dogecoin รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตอย่างรวดเร็วทันทุกการเคลื่อนไหวในตลาดเหล่านี้
เราไม่สนับสนุนการชักชวนให้เทรดหรือระดมทุนในทุกกรณี เราเป็นเพียงสื่อกลางที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เท่านั้น
**การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินทุกชนิดมีความเสี่ยง นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรควรทำความเข้าใจก่อนที่จะเข้าซื้อขายสินทรัพย์นั้นๆ**
ข้อมูลลิขสิทธิ์และนโยบายการใช้งานของ forex-directory
Copyright 2024 forex-directory © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอกข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
เรามีนโยบายในการนำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง ข้อมูลทั้งหมดที่นำเสนอไม่มีเจตนาในการชักชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำในการลงทุน
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น