การคำนวณกำไรขาดทุน

ระบบการเทรดทั่วไปจะคำนวณกำไรขาดทุนอย่างทันที สำหรับแต่ละตำแหน่ง โดยเมื่อราคาตลาดมีการเปลี่ยนแปลง กำไรขาดทุนจะถูกคำนวณทันที ดังนั้นลูกค้าสามารถเห็นกำไรขาดทุนล่าสุดในบัญชีของตนได้ทันที

การทำธุรกรรมฟอเร็กซ์จริง

ในการทำธุรกรรมฟอเร็กซ์จริง นักลงทุนจะต้องให้จำนวนสกุลเงินที่มีความต้องการ 100% ตามข้อกำหนดในสัญญา ทำให้การเทรดค่อนข้างง่าย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ธนาคาร

ตัวอย่างการแลกเปลี่ยนเงินตรา

นักลงทุนคนหนึ่ง “ขาย” สัญญาสแตนดาร์ดหนึ่งล็อตของ GBP/USD ซึ่งหมายความว่าเขาได้แลกเปลี่ยนเงิน 100,000 ปอนด์เป็น 16,4320 ดอลลาร์สหรัฐ การทำธุรกรรมนี้ถือว่าจบลงแล้ว หลังจากนี้ หากเขาต้องการแลกเปลี่ยนดอลลาร์กลับเป็นปอนด์หรือสกุลเงินอื่น ค่าตลาดที่เปลี่ยนแปลงจะทำให้เขามีกำไรหรือขาดทุน

วัตถุประสงค์ของนักลงทุนที่ใช้ระบบมาร์จิ้น

นักลงทุนที่ใช้ระบบมาร์จิ้นส่วนใหญ่เป็นนักเก็งกำไร (Speculator) ที่มีจุดประสงค์ในการทำธุรกรรมฟอเร็กซ์ไม่ใช่เพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงิน แต่เพื่อใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้ได้กำไรในระยะเวลาสั้น (เพียงไม่กี่วินาที)

การเปิดตำแหน่งใหม่

สัญญาใหม่ที่ทำขึ้นเรียกว่า “เปิดตำแหน่ง” สมมุติว่ามีคน “ขาย” สัญญาสแตนดาร์ดหนึ่งล็อตของปอนด์ ในขณะนี้เขาเพียงต้องมีมาร์จิ้น 1,000 ปอนด์ในบัญชีกับโบรกเกอร์ (บางโบรกเกอร์อาจขอเพียง 1,000 ดอลลาร์) ในทางทฤษฎีแล้ว เขาจะมีหนี้ 99,000 ปอนด์หลังจากการทำธุรกรรมสิ้นสุดลง ดังนั้นโบรกเกอร์จะไม่ส่งเงิน 16,4320 ดอลลาร์ให้ชายผู้นั้น เว้นแต่เขาจะชำระหนี้ 99,000 ปอนด์ที่มีอยู่

การเปลี่ยนแปลงของราคาที่ส่งผลต่อกำไรขาดทุน

วัตถุประสงค์ของชายผู้นั้นในการทำธุรกรรมฟอเร็กซ์ไม่ใช่เพื่อแลกเงินเป็นดอลลาร์ แต่เขาหวังว่าการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนจะทำให้เขาได้รับกำไร ในขั้นตอนนี้ราคายังคงเปลี่ยนแปลงและทำให้เกิดกำไรขาดทุน อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้คือกำไรขาดทุนที่ยังไม่เป็นทางการ (Floating Profit/Loss) ยังไม่ถือว่าเป็นกำไรขาดทุนที่แท้จริง