ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index) ย่อว่า CPI คือ ตัวชี้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาในสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตของประชาชน โดยทั่วไปแล้วจะถูกใช้เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการสังเกตระดับเงินเฟ้อ หากดัชนี CPI เพิ่มขึ้นมากเกินไป แสดงว่าเงินเฟ้อได้กลายมาเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไม่มั่นคง โดยทั่วไปแล้วเมื่อ CPI เพิ่มขึ้นมากกว่า 3% จะถือว่าเป็นเงินเฟ้อ และเมื่อ CPI เพิ่มขึ้นมากกว่า 5% จะถือว่าเป็นเงินเฟ้อที่รุนแรง

ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)

ดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index) มีวัตถุประสงค์หลักในการวัดการเปลี่ยนแปลงราคาในสินค้าต่างๆ ในแต่ละขั้นตอนการผลิต เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญในการสะท้อนสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงราคาในระยะเวลาหนึ่ง และเป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจและการประเมินผลทางเศรษฐกิจของประเทศ PPI สามารถสะท้อนความผันผวนของราคาวัตถุดิบที่ผู้ผลิตได้รับ และคาดการณ์ CPI ที่คาดหวังซึ่งจะช่วยประเมินความเสี่ยงของเงินเฟ้อ

ความสัมพันธ์ระหว่าง PPI และเงินเฟ้อ

โดยรวมแล้ว PPI ที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นเรื่องดี หากผู้ผลิตมีการปรับต้นทุน ราคาสินค้าในการบริโภคปลายทางจะสูงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น หากไม่ปรับต้นทุน กำไรของบริษัทจะลดลงและเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะชะลอตัว ดังนั้นจะทำอย่างไรในการคาดการณ์แนวโน้มทองคำจาก CPI และ PPI

การคาดการณ์แนวโน้มทองคำ

CPI และ PPI เป็นตัวชี้วัดหนึ่งของเงินเฟ้อซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยแปดประการที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ โดยทั่วไปแล้วการพูดถึงการเพิ่มราคาของสินค้าเป็นการบ่งบอกถึงเงินเฟ้อ ซึ่งเกิดจากการพิมพ์เงินที่มากเกินไปของธนาคารกลาง ประเทศ โดยมีความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างเงินเฟ้อกับราคาทองคำเมื่อใดก็ตามที่ความกดดันจากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในเงื่อนไขเฉพาะ ทองคำจะมีคุณสมบัติในการ “ปกป้องมูลค่า” อย่างเห็นได้ชัด หากดัชนีราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้น สำหรับดอลลาร์สหรัฐมักจะส่งผลดี แต่เป็นผลเสียต่อราคาทองคำแบบไม่สามารถส่งมอบได้ หากดัชนีราคาผู้ผลิตลดลง นั่นจะทำให้เกิดผลเสียต่อดอลลาร์และผลดีต่อทองคำที่สามารถส่งมอบได้ (ตรงข้ามกับประเทศจีน)