บทนำ

แม้ว่าตลาดฟอเร็กซ์จะถือว่าเป็นเกมของธนาคาร แต่ฟอเร็กซ์ก็สามารถช่วยเพิ่มพอร์ตการลงทุนของคุณได้เช่นกัน เมื่อการลงทุนอื่นๆ ทั่วโลกเข้าสู่ช่วงที่ไม่ดี ตลาดฟอเร็กซ์จะมอบโอกาสมากมายให้แก่นักลงทุน ดังนั้น การเข้าใจฟอเร็กซ์และหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับมันจึงเป็นเรื่องที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับนักเทรด นักลงทุน หรือผู้จัดการการลงทุน ต่อไปนี้เราจะแนะนำสกุลเงินการซื้อขายหลัก 8 สกุลที่ผู้ค้าและนักลงทุนควรรู้จัก และธนาคารกลางของแต่ละสกุลเงินนั้น

1. ดอลลาร์สหรัฐ (USD) - ราชาแห่งเงินตรา

ธนาคารกลาง: คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติโดยสภาคองเกรสในปี 1913 ระบบธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ประกอบด้วยคณะกรรมการธนาคารกลางและธนาคารกลาง 12 แห่ง คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐมีประธานและคณะกรรมการ คณะกรรมการบริการตลาดเปิดของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ทำหน้าที่ควบคุมการดำเนินการตลาดเปิด การกำหนดนโยบายการเงินและนโยบายอัตราดอกเบี้ย โดยปัจจุบัน FOMC ประกอบด้วยสมาชิก 12 คน โดย 7 คนมาจากคณะกรรมการธนาคารกลางและอีก 5 คนมาจากประธานธนาคารกลาง 12 แห่ง สมาชิก FOMC จะประชุมทุก 6 สัปดาห์ ดอลลาร์สหรัฐบางครั้งเรียกว่า "เงินสีเขียว" เนื่องจากสีของธนบัตรเป็นสีเขียว สหรัฐอเมริกาคือประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก

2. ยูโร (EUR) - สกุลเงินคู่แข่งของดอลลาร์

ธนาคารกลาง: ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางยุโรปตั้งอยู่ในเมืองแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เป็นธนาคารกลางของประเทศที่เป็นสมาชิกในเขตเงินยูโร 17 ประเทศ เหมือนกับดอลลาร์สหรัฐ ธนาคารกลางยุโรปมีคณะกรรมการบริหารที่รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายการเงิน ขับเคลื่อนโดยประธานและสมาชิก 5 คน สมาชิกคณะกรรมการส่วนใหญ่ประกอบด้วยประธานธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด ได้แก่ เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน ธนาคารกลางยุโรปจัดประชุมประมาณ 10 ครั้งต่อปี

3. เยน (JPY) - ข้อมูลพื้นฐานง่าย เทคนิคซับซ้อน

ธนาคารกลาง: ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นก่อตั้งขึ้นในปี 1882 รับผิดชอบในการกำหนดนโยบายการเงิน รวมถึงการปล่อยเงินและการวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจ ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีคณะกรรมการนโยบายการเงินซึ่งมีหน้าที่หลักในการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจ เยนมักถูกมองว่าเป็นสกุลเงินสำหรับการทำการซื้อขายการเก็งกำไร เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ซึ่งทำให้มันเป็นที่นิยมในการแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง

4. ปอนด์ (GBP) - เงินตราของราชินี

ธนาคารกลาง: ธนาคารแห่งอังกฤษ (BOE) ธนาคารแห่งอังกฤษคือธนาคารกลางของสหราชอาณาจักรเหมือนกับเฟดของสหรัฐอเมริกา คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOE มีการประชุมทุกเดือนเพื่อหารือเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการเงิน

5. ฟรังก์สวิส (CHF) - เงินตราของธนาคาร

ธนาคารกลาง: ธนาคารแห่งประเทศสวิส (SNB) ต่างจากธนาคารกลางอื่นๆ คณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศสวิสเป็นองค์กรรัฐบาลที่มีเจ้าของร่วมระหว่างเอกชนและประชาชน ซึ่งหมายความว่าธนาคารแห่งประเทศสวิสมีการกำกับดูแลเป็นพิเศษ

6. ดอลลาร์แคนาดา (CAD) - เงินตราพลังงาน

ธนาคารกลาง: ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา (BOC) ธนาคารแห่งประเทศแคนาดาถูกจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายธนาคารแคนาดาในปี 1934 มุ่งเพื่อรักษาอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำและคงความมั่นคงทางการเงิน

7. ดอลลาร์ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ (AUD/NZD) - สุดยอดแห่งการเก็งกำไร

ธนาคารกลาง: ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA)/ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ (RBNZ) อัตราดอกเบี้ยของดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ค่อนข้างสูง และเป็นที่นิยมในการแลกเปลี่ยนภายในกลุ่มนักเก็งกำไร

8. แรนด์ (ZAR) - โอกาสใหม่

ธนาคารกลาง: ธนาคารแห่งประเทศแอฟริกาใต้ (SARB) ธนาคารกลางแห่งแอฟริกาใต้ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลตลาดเงินและมีบทบาทควบคุมราคาในตลาดฟอเร็กซ์

บทสรุป

เมื่อเวลาผ่านไป ตลาดฟอเร็กซ์มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันมากขึ้น เนื่องจากปริมาณการซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์เฉลี่ยอยู่ที่ 5.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวันตามรายงานของธนาคารระหว่างประเทศในปี 2016 ดังนั้นนี่คือโอกาสในการขยายพอร์ตการลงทุนของคุณอย่างแน่นอน