การซื้อขายตามแนวโน้มเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราแตกต่างจากการซื้อขายหุ้น ผู้คนมักมองข้ามแนวโน้มการขึ้นและลงของอัตราแลกเปลี่ยนเมื่อทำการซื้อขาย เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนขึ้น ราคาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ไม่กล้าซื้อ; ในขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนลดต่ำลง ราคาก็ทำให้รู้สึกว่าถูก การทำให้ลืมคำว่า "ซื้อขายตามแนวโน้ม" ทำให้กลายเป็นนักลงทุนที่ทำการซื้อขายสวนกระแส ในแนวโน้มที่อัตราแลกเปลี่ยนขึ้น เมื่อราคาเข้าถึงจุดสูงสุด การซื้อที่ผิดจะเกิดขึ้นเพียงจุดเดียว ส่วนการซื้อเฉพาะในจุดนี้ตลอดการซื้อในแนวโน้มขึ้นนั้นยังเป็นการซื้อที่ถูกต้อง ในทางกลับกัน ในแนวโน้มที่อัตราแลกเปลี่ยนลดลง การขายที่ผิดจะเกิดขึ้นเพียงจุดเดียวเมื่อราคาแตะจุดต่ำสุดซึ่งไม่สามารถลดลงต่ำกว่าได้ การขายในจุดอื่นนั้นถือว่าถูกต้อง

พยายามต่อยอดผลกำไร

นักลงทุนที่ขาดประสบการณ์ เมื่อซื้อหรือขายหุ้นเมื่อเปิดตลาด แล้วเห็นว่ามีกำไร ก็คิดจะปิดเพื่อเก็บกำไรทันที การปิดเพื่อเก็บกำไรดูเหมือนจะง่าย แต่การจับจังหวะเก็บกำไรนั้นเป็นศาสตร์ สิ่งที่นักลงทุนที่มีประสบการณ์จะทำคือ พิจารณาตัดสินใจในการปิดตามการคาดการณ์ในแนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยน หากเชื่อว่าแนวโน้มจะไปในทางที่เป็นประโยชน์มากขึ้น เขาจะอดทนและไม่เก็บในทันที ทิ้งให้ค่าเงินเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ดีกว่า จนกว่าจะเกิดผลกำไรใหม่ หากปิดกำไรทันทีเมื่อมีกำไรเพียงน้อยนิด อาจทำให้กำไรมีน้อยและขาดทุนมาก

การเพิ่มทุนแบบพีระมิด

การเพิ่มทุนแบบพีระมิดหมายถึง: หลังจากซื้อสกุลเงินครั้งแรก ราคาสกุลเงินนั้นเพิ่มขึ้นและมองเห็นว่าการลงทุนถูกต้อง ในความตื่นเต้นนั้นจึงอยากเพิ่มทุน การเพิ่มทุนควรปฏิบัติตามหลักการ "การซื้อทุกครั้งควรมีจำนวนที่น้อยกว่าครั้งก่อน" ซึ่งการซื้อต่อไปในปริมาณที่ลดน้อยลงเหมือนกับพีระมิด เมื่อระดับสูงขึ้น พื้นที่จะลดลง บางคนเมื่อมองว่าซื้อถูกต้องก็มักจะซื้อเพิ่มขึ้นสองเท่า หากการตลาดลดลงกะทันหันความเสียหายจะเกิดขึ้น และการลงทุนแบบพีระมิด หากตลาดลดลงเนื่องจากสร้างสถานะในระดับสูงนั้นจะมีการสูญเสียน้อยกว่า

การตัดขาดทุน - การสร้างสถานะ - การทำกำไร

(1) เรียนรู้การตัดขาดทุน การตัดขาดทุนเป็นการปิดสถานะเพื่อป้องกันการขาดทุนเกินไปเมื่อตลาดเปิดหรือเมื่อสถานะที่ถืออยู่ขัดแย้งกับแนวโน้มของอัตราแลกเปลี่ยน การตัดขาดทุนเป็นทักษะที่นักลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราจะต้องเรียนรู้เป็นอันดับแรก หากไม่ตัดขาดทุน ขาดทุนจะยังคงเป็นเพียงในระดับสมมุติ แต่เมื่อทำการตัดขาดทุน ขาดทุนจะกลายเป็นความจริง จากประสบการณ์ การตัดขาดทุนจะสร้างความกดดันทางจิตใจให้นักลงทุน หากไม่เห็นด้วยที่จะยอมแพ้รอให้การคืนทุนกลับ มันจะขัดขวางการตัดสินใจทำการตัดขาดทุนซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียอย่างรุนแรง

(2) เรียนรู้การสร้างสถานะ "การสร้างสถานะ" หมายถึงการเปิดตลาด โดยการซื้อสกุลเงินหนึ่งแล้วขายอีกสกุลเงินหนึ่ง หลังจากเปิดตลาดแล้ว นักลงทุนมีสถานะยาว (ซื้อ) ในสกุลเงินหนึ่งและมีสถานะสั้น (ขาย) ในอีกสกุลเงินหนึ่ง การเลือกอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสมและจังหวะในการสร้างสถานะเป็นเงื่อนไขพื้นฐานในการสร้างผลกำไร หากการเข้าตลาดมีจังหวะที่ดี โอกาสทำกำไรก็จะสูง ในทางตรงกันข้ามหากเข้าไปในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม ก็มีโอกาสขาดทุนได้ง่าย

(3) เรียนรู้การทำกำไร "การทำกำไร" ดูเหมือนจะง่าย แต่ที่จริงแล้วไม่ง่าย การทำกำไรหมายถึง หลังจากเปิดสถานะ อัตราแลกเปลี่ยนไปในทางที่เป็นประโยชน์กับตน การปิดสถานะจะทำให้ได้รับกำไร "การทำกำไร" ที่ยากคือการจับจังหวะในการปิดสถานะ ถ้าปิดเร็วเกินไป กำไรก็จะน้อย และถ้าปิดช้าจนเกินไป ก็อาจทำให้พลาดโอกาสและขาดทุน ดังนั้นการจับจังหวะในการ "ทำกำไร" จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้และศึกษาในระหว่างการซื้อขาย

เมื่อไม่แน่ใจ ควรหลีกเลี่ยงการลงทุน

เมื่อรู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของตลาดแลกเปลี่ยนไม่ชัดเจน และขาดความมั่นใจ ควรหลีกเลี่ยงการลงทุน หากรู้สึกว่าไม่มั่นใจ การไม่ทำอะไรเลยจะดีกว่า รอจังหวะที่จะเข้าสู้ตลาดหากเปิดตลาดแล้วมีความรู้สึกว่า "ไม่ได้รสชาติแต่ก็เสียดาย" จะดีกว่าที่จะปิดสถานะและออกจากการตลาด อย่าคิดมากเกี่ยวกับกำไรกำไร จนไปเสี่ยงกับความไม่แน่นอน