การแนะนำวิธีวิเคราะห์ทางเทคนิคการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

ผู้เขียน:   2024-11-18   คลิ:2

การแนะนำวิธีวิเคราะห์ทางเทคนิคการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

เมื่อทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ วิธีการวิเคราะห์ที่ดีมีความสำคัญมากต่อการลงทุนในตลาดนี้ การคำนวณทางสถิติ, คณิตศาสตร์ รวมถึงการวาดกราฟจากข้อมูลราคาและปริมาณในอดีตเป็นวิธีหลัก ๆ ในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ดังนั้นจึงสามารถพูดได้ว่าวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคมีหลายรูปแบบ โดยทั่วไปแล้วเราสามารถแบ่งประเภทวิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคออกเป็น 5 ประเภทหลัก ได้แก่ กลุ่มตัวชี้วัด, กลุ่มเส้นแนวโน้ม, กลุ่มรูปแบบ, กลุ่มแท่งเทียน และกลุ่มคลื่น

1. กลุ่มตัวชี้วัด

กลุ่มตัวชี้วัดโดยทั่วไปจะพิจารณาถึงทุกแง่มุมของการปฏิบัติการของตลาด โดยการสร้างโมเดลทางคณิตศาสตร์ และให้สูตรการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เพื่อสร้างตัวเลขที่สะท้อนถึงสาระสำคัญบางอย่างของตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ตัวเลขนี้ถูกเรียกว่าค่าตัวชี้วัด โดยค่าตัวชี้วัดที่ได้จะสะท้อนถึงสถานะของตลาดซึ่งให้แนวทางในการดำเนินการ โดยค่าที่ตัวชี้วัดแสดงออกมาส่วนใหญ่มักจะมองไม่เห็นจากรายงานการตลาด ส่วนปัจจุบันมีตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ใช้ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมากมาย มากกว่า 1000 รายการ เช่น ตัวชี้วัดความแรงสัมพัทธ์ (RSI), ตัวชี้วัดสุ่ม (KD), ตัวชี้วัดแนวโน้ม (DMI), ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบพิเศษ (MACD), มูลค่าพลังงาน (OBV), เส้นจิตวิทยา และอัตราการเบี่ยงเบน เป็นต้น ตัวชี้วัดเหล่านี้ยังคงได้รับความนิยมในตลาดหุ้นตลอดเวลาและตัวชี้วัดใหม่ ๆ ก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

2. กลุ่มเส้นแนวโน้ม

กลุ่มเส้นแนวโน้มจะวาดเส้นตรงบนกราฟแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศตามหลักการและวิธีการที่กำหนด จากนั้นใช้เส้นเหล่านั้นในการคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต เส้นเหล่านี้เรียกว่าเส้นแนวโน้ม โดยการวิเคราะห์เส้นแนวโน้มหลักคือการทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้าน โดยตำแหน่งการขยายจากแนวรับและแนวต้านจะมีอิทธิพลต่อแนวโน้มราคาของตลาด โดยทั่วไปแล้ว ในระหว่างที่ราคาแลกเปลี่ยนจากล่างขึ้นบน เมื่อสัมผัสกับแนวต้าน หรือแม้แต่ไม่ได้สัมผัสก็สามารถกลับตัวลงได้ และในทางกลับกัน เมื่อราคาแลกเปลี่ยนตกจากบนลงล่าง เมื่อใกล้แนวรับก็จะเริ่มกลับตัวขึ้นใหม่ นอกจากนี้ หากสัมผัสเส้นแนวโน้มแล้วไม่มีการเปลี่ยนทิศทาง แต่ยังคงเคลื่อนไปทางขึ้นหรือลงเรียกว่า "การทะลุ" หลังจากการทะลุเส้นแนวโน้มบริเวณที่มีการทะลุไปแล้วนั้นยังคงมีผลเปลี่ยนแปลงเพียงชื่อที่เปลี่ยนจากแนวรับกลายเป็นแนวต้านและในทางตรงกันข้าม

3. กลุ่มรูปแบบ

กลุ่มรูปแบบจะใช้รูปแบบของเส้นราคาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต โดยตั้งสมมติฐานว่าพฤติกรรมของตลาดรวมทุกข้อมูล โดยรูปแบบราคาที่ผ่านมาจะเป็นส่วนสำคัญของพฤติกรรมตลาด คือผลึกของตลาดที่ตอบสนองต่อข้อมูลต่าง ๆ โดยการใช้เส้นราคาหรือรูปแบบในการคาดการณ์อนาคตของราคาจึงมีเหตุผล รูปแบบที่มีชื่อเสียงได้แก่ M-top, W-bottom, หัวไหล่บนและล่าง เป็นต้น

4. กลุ่มแท่งเทียน

กลุ่มแท่งเทียนมุ่งเน้นการศึกษาแนวทางการจัดกลุ่มแท่งเทียนภายในหลายวัน เพื่อเปรียบเทียบช่องทางที่มีในตลาดซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย และในการประเมินว่าผู้ใดมีอำนาจเหนือกว่า ซึ่งอาจจะเป็นชั่วคราวหรือเป็นการตัดสินใจ ที่น่าจับตามอง อย่างไรก็ตาม กราฟแท่งเทียนนั้นเป็นกราฟที่สำคัญที่สุดสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยในวันเดียวมีรูปแบบแท่งเทียนมากมายที่สามารถศึกษาได้ ซึ่งในช่วงหลายวันแท่งเทียนมีจำนวนรูปแบบที่ไม่สามารถนับได้ทั้งหมด จากการสรุปประสบการณ์มาอย่างยาวนาน มักจะมีค่าคำแนะนำที่สำคัญที่ค้นพบใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์มากมายในทางปฏิบัติ



ความคิดเห็นของผู้ใช้

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

เปิดบัญชีกับ
โบรกเกอร์ Dupoin

สมัครสมาชิกกับเรา ผ่านโบรกเกอร์ Dupoin

**สิทธิพิเศษมีจำนวนจำกัด สำหรับสมาชิกเท่านั้น!!

เกี่ยวกับเรา

ติดต่อเรา

เรื่องที่น่ารู้

forex-directory คือเว็บไซต์ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin และ Dogecoin รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตอย่างรวดเร็วทันทุกการเคลื่อนไหวในตลาดเหล่านี้

 

เราไม่สนับสนุนการชักชวนให้เทรดหรือระดมทุนในทุกกรณี เราเป็นเพียงสื่อกลางที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เท่านั้น

 

**การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินทุกชนิดมีความเสี่ยง นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรควรทำความเข้าใจก่อนที่จะเข้าซื้อขายสินทรัพย์นั้นๆ**

 

ข้อมูลลิขสิทธิ์และนโยบายการใช้งานของ forex-directory

ติดต่อทางอีเมล: [email protected]

ติดต่อเพิ่มเติมทาง Line:

blog

Copyright 2024 forex-directory © สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามทำซ้ำหรือคัดลอกข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

เรามีนโยบายในการนำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง ข้อมูลทั้งหมดที่นำเสนอไม่มีเจตนาในการชักชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำในการลงทุน