การวิเคราะห์พื้นฐาน

เมื่อมีการประเมินค่าเงินของประเทศหนึ่งในมุมมองของสกุลเงินของประเทศอื่น การวิเคราะห์พื้นฐานจะรวมถึงการศึกษาตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาค ตลาดสินทรัพย์ และปัจจัยทางการเมือง ตัวชี้วัดเศรษฐกิจมหภาคประกอบด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งคำนวณจากข้อมูลต่าง ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ อัตราการว่างงาน ปริมาณเงินทุนสำรอง และผลผลิต ตลาดสินทรัพย์ประกอบด้วยหุ้น ตราสารหนี้ และอสังหาริมทรัพย์ ปัจจัยทางการเมืองสามารถมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาลของประเทศนั้น สภาพความมั่นคงทางสังคม และระดับความเชื่อมั่นโดยรวม

การแทรกแซงของรัฐบาล

บางครั้ง รัฐบาลอาจมีการแทรกแซงในตลาดเงินเพื่อป้องกันไม่ให้เงินมีการเบี่ยงเบนไปจากระดับที่ไม่พึงประสงค์อย่างมีนัยสำคัญ การแทรกแซงในตลาดเงินดำเนินการโดยธนาคารกลาง ซึ่งจะมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญแต่ชั่วคราวต่อตลาด Forex ธนาคารกลางอาจดำเนินการซื้อขายสกุลเงินของตนเองที่ราคาเป็นไปตามสกุลเงินของประเทศอื่น ๆ หรือร่วมมือกับธนาคารกลางอื่น ๆ เพื่อทำการแทรกแซงร่วมกันเพื่อให้เกิดผลที่มีนัยสำคัญยิ่งขึ้น บางประเทศสามารถทำได้โดยการส่งสัญญาณการแทรงแซงหรือการขู่เพื่อมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน

ทฤษฎีพื้นฐาน

1. ความเท่าเทียมของอำนาจซื้อ (PPP)

ทฤษฎีความเท่าเทียมของอำนาจซื้อกำหนดว่าราคาแลกเปลี่ยนจะถูกกำหนดโดยราคาสินค้าในกลุ่มเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อที่เปลี่ยนแปลงจะต้องถูกชดเชยด้วยการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนในทางตรงกันข้าม ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ แฮมเบอร์เกอร์ หากแฮมเบอร์เกอร์มีราคา 2.00 ดอลลาร์ในสหรัฐอเมริกาและ 1.00 ปอนด์ในอังกฤษ ตามทฤษฎีนี้ อัตราแลกเปลี่ยนควรอยู่ที่ 2 ดอลลาร์ต่อ 1 ปอนด์ หากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีอยู่ในตลาดคือ 1.7 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จะทำให้ปอนด์ถูกมองว่าต่ำกว่ามูลค่าในขณะที่ดอลลาร์ถูกมองว่ามีมูลค่าสูงเกินไป ทฤษฎีนี้สมมติว่าสกุลเงินทั้งสองจะเปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ 2:1 ในที่สุด

2. ความเท่าเทียมของอัตราดอกเบี้ย (IRP)

ความเท่าเทียมของอัตราดอกเบี้ยกำหนดว่าการเพิ่มค่าหรือการลดค่าของสกุลเงินหนึ่งเทียบกับอีกสกุลเงินหนึ่งจะต้องถูกชดเชยด้วยการเปลี่ยนแปลงของความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ย หากอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่น ดอลลาร์จะลดค่าลงเมื่อเทียบกับเยนในระดับหนึ่งเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเก็งกำไรที่ปราศจากความเสี่ยง