การซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยมาร์จิ้น

การซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยมาร์จิ้นเป็นการเทรดที่มีเลเวอเรจสูง เลเวอเรจสูงจึงหมายถึงความเสี่ยงที่สูงขึ้น

ในเว็บไซต์ของโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายทุกแห่งจะมีคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงสูงของการซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยมาร์จิ้น ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับทุกคน

ความเสี่ยงที่น่าจะพบเมื่อทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยมาร์จิ้น

1. ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดและโอกาส—ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สำหรับบริษัทที่ทำการค้าระหว่างประเทศหลายแห่ง ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ต้องพยายามหลีกเลี่ยง แต่สำหรับนักเก็งกำไรในฟอเร็กซ์ อัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงจะนำมาซึ่งโอกาสในการทำกำไร โดยเฉพาะเมื่อตลาดมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย โบรกเกอร์จะนำเลเวอเรจเข้ามาเพื่อขยายขอบเขตการซื้อขาย ทำให้การซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยมาร์จิ้นสามารถเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนด้วย
ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนคือพื้นฐานของการเก็งกำไรในฟอเร็กซ์ เป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดและโอกาสที่มากที่สุด

ความเสี่ยงจากเหตุการณ์หงส์ดำในตลาด

การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนโดยปกติจะอยู่ในกรอบที่สมเหตุสมผล แต่เหตุการณ์หงส์ดำบางอย่างอาจทำให้การเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนออกนอกกรอบปกติ ยกตัวอย่างเช่น การลงประชามติ Brexit ของอังกฤษเมื่อปีที่แล้ว เหตุการณ์หงส์ดำสวิสในปี 2015 และพฤติกรรม “นิ้วอ้วน” เหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่ไม่คาดคิด หรือไม่ตรงตามความคาดหวัง
การเกิดเหตุการณ์หงส์ดำสวิสในปี 2015 เป็นตัวอย่างที่ดี ในวันที่ 15 มกราคม 2015 ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ได้ประกาศยกเลิกมาตรการการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนยูโรต่อสวิสฟรังค์ที่มีไว้ตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2011 ส่งผลให้ตลาดเกิดการสะเทือนครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 1970 สวิสฟรังค์สามารถมีความผันผวนถึง 30% ในทันที และทำให้ Alpari (UK) Limited ล้มละลาย และ FXCM พบกับการขาดทุน 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับนักเทรดจำนวนมาก เหตุการณ์หงส์ดำเป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากหงส์ดำเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากนี้ ยังมีการประกาศข้อมูลตลาด เช่น ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรและการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ ที่อาจมีการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ในตลาด ซึ่งในเวลานี้ ความผันผวนในตลาดอาจสูงขึ้นและการเทรดในช่วงนี้อาจไม่ใช่ความคิดที่เฉลียวฉลาด

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในตลาด

การซื้อขายใดก็ตามในตลาด คุณจะต้องมีผู้ขายเพื่อให้การซื้อขายเกิดขึ้น ดังนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาดที่เราจะเรียกว่าสภาพคล่อง
สภาพคล่องไม่เพียงพนหมายถึงคุณต้องการที่จะซื้อสินค้าในตลาด แต่ไม่มีใครขายให้คุณ เช่นในช่วงเหตุการณ์สวิส สภาพคล่องในตลาดแทบเป็นศูนย์ และการตั้งคำสั่งหยุดขาดทุนของนักเทรดจำนวนมากถึงแม้ตั้งไว้ก็มิได้ผล (หมายเหตุ: การตั้งคำสั่งหยุดขาดทุนหรือหยุดกำไรนั้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของสภาพคล่องในตลาดที่เพียงพอ ในกรณีที่ขาดแคลนสภาพคล่องจะไม่สามารถดำเนินการซื้อขายได้)
โดยทั่วไปแล้ว สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการสวิงคือสภาพคล่องในตลาดไม่เพียงพอ ดังนั้น ในช่วงเวลาเช่นวันไม่เพียงพอ การเกิดสวิงจึงมีบ่อย และเพื่อหลีกเลี่ยงการซื้อขายในช่วงเวลาดังกล่าว คุณควรเลือกคู่เงินที่มีสภาพคล่องดีเพื่อทำการซื้อขายเป็นวิธีที่ดีในการลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง

ความเสี่ยงจากการหน่วงเวลาของเครือข่าย

ความหน่วงเวลาของเครือข่ายก็เป็นความเสี่ยงหนึ่งในการซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยมาร์จิ้น แม้ว่าการสวิงจะแบ่งออกเป็นด้านบวกและด้านลบ แต่ความสวิงก็เป็นองค์ประกอบที่ไม่สามารถควบคุมได้ในตลาดฟอเร็กซ์ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่ทุกคนไม่ถูกใจ
ปัญหาความหน่วงเวลาของเครือข่ายเป็นความเสี่ยงที่สำคัญสำหรับนักเทรด โดยทั่วไปแล้ว โบรกเกอร์จะเรียกสิ่งนี้ว่า “สภาพแวดล้อมการเทรด” ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายากที่จะหลีกเลี่ยงอย่างสมบูรณ์ บางโบรกเกอร์จะเลือกตั้งเซิร์ฟเวอร์ใน NY4, LD4, TY4 เพื่อลดเวลาหน่วงการเทรด สำหรับนักเทรดในประเทศ สิ่งแวดล้อมทางเครือข่ายที่ดีจะนำมาซึ่งการดำเนินการคำสั่งที่ดีขึ้น

การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์

การซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยมาร์จิ้นในตลาดในประเทศนั้นต้องผ่านโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ ในปัจจุบันมีโบรกเกอร์หลายร้อยถึงพันรายที่ทำการตลาดในจีน การคัดเลือกสถานะของโบรกเกอร์เหล่านี้จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนักเทรด
ความเสี่ยงจากโบรกเกอร์มีสามประเภท หนึ่งคือความสามารถด้านเงินทุนไม่เพียงพอ การควบคุมทางเทคนิคยังมีข้อบกพร่อง บางโบรกเกอร์ต่างประเทศเลือกที่จะหนีเมื่อขาดทุน เช่น เหตุการณ์การหลอกลวงไทอี ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการควบคุมแต่พอขยายตลาดในจีนกลับเกิดการขาดทุนในที่สุดจึงหนีจากตลาดจีนทำให้นักเทรดที่อยู่ในประเทศขาดทุน
อีกหนึ่งคือการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบของบางแพลตฟอร์มที่อาจใช้โปรแกรมส่วนเสริมเพื่อดำเนินการล่าช้า การหยุดประสิทธิภาพที่ไม่เท่าเทียม ส่งผลให้นักเทรดไม่ได้รับกำไรที่ควรจะได้ หรือขาดทุนมากเกินไป
แน่นอน นี่เป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในแพลตฟอร์มของโบรกเกอร์บางรายที่นักเทรดในประเทศต้องพิจารณา
ความเสี่ยงสุดท้ายคือการหลอกลวงเงินที่อ้างอิงการลงทุนฟอเร็กซ์ ซึ่งต่างจากที่กล่าวข้างต้น แพลตฟอร์มการหลอกลวงอาจตีความการลงทุนในฟอเร็กซ์เพื่อหลอกลวงนักเทรดให้ลงทุนในแผนการพาเหรดอย่างเช่น JJPTR ในมาเลเซียและ IGO ที่เคยทำการตลาดในประเทศ
การเลือกโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์คือความเสี่ยงที่นักเทรดต้องเผชิญ โดยทั่วไปแล้ว การเลือกบริษัทที่มีใบอนุญาตที่เหมาะสมและมีเงินทุนแข็งแรง จะช่วยลดความเสี่ยงในส่วนนั้น

ความเสี่ยงทางกฎหมาย

สำหรับนักลงทุนในประเทศ การซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยมาร์จิ้นยังคงเป็นพื้นที่ที่ขาดการควบคุม โดยการซื้อขายฟอเร็กซ์ด้วยมาร์จิ้นถือเป็นการลงทุนต่างประเทศ
ความเสี่ยงทางกฎหมายมีความหมายถึงความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่เพียงพอหรือไม่มีผลทางกฎหมายของเนื้อหาสัญญาระหว่างสองฝ่าย ในกรณีนี้ ผลทางกฎหมายของสัญญาการซื้อขายฟอเร็กซ์ไม่ได้รับการยืนยัน หากเกิดการผิดสัญญาหรือข้อขัดแย้ง อาจไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายในการปกป้องผลประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งความเสี่ยงที่แต่ละฝ่ายต้องแบกรับอาจเป็นจำนวนมหาศาล
สำหรับการซื้อขายฟอเร็กซ์ ความสามารถในการคุ้มครองสิทธิของนักลงทุนจีนก็ทำได้ยาก เนื่องจากหน่วยงานกำกับดูแลมักจะเป็นต่างประเทศ ทำให้มีความไม่คุ้นเคยกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการกำกับดูแล ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงสำหรับทั้งโบรกเกอร์และนักเทรด