เทคนิคการซื้อขายด้วยความแตกต่าง

เมื่อพูดถึงการซื้อขายด้วยความแตกต่าง เราจะแบ่งออกเป็นสองประเภทหลักคือ ความแตกต่างที่จุดสูงสุดและความแตกต่างที่จุดต่ำสุด ความแตกต่างที่จุดสูงสุดเกิดขึ้นเมื่อราคายังคงสร้างจุดสูงใหม่แต่ค่าชี้วัดไม่สร้างจุดสูงใหม่ นี่แสดงว่าทิศทางราคาอาจจะมีการปรับเปลี่ยนหรือลดระดับลง;

ความแตกต่างที่จุดต่ำสุด

ความแตกต่างที่จุดต่ำสุดเกิดจากราคายังคงสร้างจุดต่ำใหม่ในขณะที่ค่าชี้วัดไม่สร้างจุดต่ำใหม่ สิ่งนี้สามารถแปลได้ว่าทิศทางการตกต่ำอาจได้รับการแก้ไขหรือลดลงได้ การวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างราคาและ MACD indicator เป็นเรื่องที่ไม่ยาก โดยเราจะพิจารณาจากจุดสูงและจุดต่ำที่อยู่ติดกัน หากมีความไม่ตรงกันหมายถึงความแตกต่าง; หากไม่เป็นเช่นนั้นหมายถึงไม่ใช่ความแตกต่าง

การตีความความแตกต่าง

อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างด้านราคาไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถกำหนดสัญญาณการเปลี่ยนทิศทางหรือการปรับราคาได้อย่างแม่นยำ มันเพียงแต่เป็นสัญญาณเตือนบางประการ ในบางแนวโน้ม หากราคาพร้อมกับค่าชี้วัดมีความแตกต่างอย่างมาก แต่แนวโน้มยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

การใช้ความแตกต่างในการซื้อขาย

หากเรามองว่าความแตกต่างเป็นสัญญาณเตือน แล้วเราควรใช้ความแตกต่างในการซื้อขายอย่างไร? เมื่อมีความแตกต่างระหว่างราคาและ MACD indicator เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ราคาขณะนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายของแนวโนมหรืออยู่ในระยะที่อ่อนแรงหรือไม่ หากใช่เราต้องให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น

การเข้าไปในตลาด

เราควรเลือกจุดเข้าซื้อเมื่อมีสัญญาณการยืนยันหลังจากความแตกต่าง เช่น การรวมกันของสัญญาณกลับของกราฟ K หรือทฤษฎีคลื่นที่จุดสุดท้ายของคลื่น 5 หรืออาจจะเป็นราคาที่ทะลุเส้น neck line ได้

กรณีศึกษา

ตัวอย่าง: ความแตกต่างที่จุดต่ำสุด + การทะลุระดับแนวต้าน ซื้อเข้า ความแตกต่างที่จุดสูงสุด + การทะลุแนวโน้มการขึ้น ซื้อเข้า ความแตกต่างที่จุดสูงสุด + รูปแบบสูงสองจุด + การกลับตัวแบบ bearish engulfting หลังจากสัญญาณเตือนจากความแตกต่างเกิดขึ้น เราควรสังเกตและวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของราคาในการสลับหรือประเมินรูปแบบและรายละเอียดต่างๆ เพื่อยืนยันการกลับตัว ซึ่งการจับรายละเอียดจะต้องไม่พร่าเลือน