คู่สกุลเงิน

คู่สกุลเงิน: อัตราแลกเปลี่ยนฟอเร็กซ์ที่ประกอบด้วยสกุลเงินสองประเภท เช่น EUR/USD โดยที่ EUR เรียกว่าสกุลเงินพื้นฐานและ USD เรียกว่าสกุลเงินรอง คู่สกุลเงินจะประกอบด้วยรหัส ISO สองตัวและเครื่องหมายแบ่ง เช่น GBP/USD ซึ่งรหัสแรกแสดงถึง “สกุลเงินพื้นฐาน” และอีกตัวคือ “สกุลเงินรอง”

สกุลเงินหลัก

สกุลเงินที่มีการซื้อขายทั่วไปในตลาดฟอเร็กซ์เรียกว่า “สกุลเงินหลัก” โดยส่วนใหญ่การซื้อขายสกุลเงินจะมีความสัมพันธ์กับดอลลาร์สหรัฐ (USD) ดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายมากที่สุด หลังจากนั้นมีสกุลเงินที่มีการซื้อขายบ่อยที่สุดอีกห้าประเภทคือ: ยูโร (EUR); เยน (JPY); ปอนด์ (GBP); ฟรังก์สวิส (CHF) และดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) การซื้อขายของสกุลเงินทั้งหกนี้คิดเป็น 90% ของปริมาณการซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ทั่วโลก

อัตราแลกเปลี่ยน

ตลาดฟอเร็กซ์อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ค่าเงินจะถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทานในตลาด ซึ่งค่าสกุลเงินหนึ่งจะถูกแสดงด้วยอีกสกุลเงินหนึ่ง ในคู่สกุลเงินหนึ่ง สกุลเงินแรกเรียกว่า “สกุลเงินอ้างอิง” และสกุลเงินที่สองเรียกว่า “สกุลเงินที่ใช้ในการพิจารณา” เมื่อคุณทำการซื้อขายสกุลเงิน คุณจะซื้อสกุลเงินอ้างอิงและขายสกุลเงินที่ใช้ในการพิจารณา อัตราแลกเปลี่ยนบอกผู้ซื้อว่าในการซื้อตัวหนึ่งของสกุลเงินอ้างอิงต้องใช้สกุลเงินที่ใช้ในการพิจารณาเท่าไหร่

การซื้อขายในทิศทางที่ถูกต้อง

ในการซื้อขายคู่สกุลเงิน อาจมีการเรียงลำดับซึ่งมักไม่เปลี่ยนแปลง ตามที่กำหนดในอุตสาหกรรม เช่น คู่สกุลเงิน USD/JPY โดยที่ USD เป็นสกุลเงินอ้างอิงและ JPY เป็นสกุลเงินที่ใช้ในการพิจารณา ลำดับของคู่สกุลเงินที่คุณเห็นจะไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นการที่คุณจะซื้อหรือขายจะขึ้นอยู่กับทิศทางการซื้อขาย สำหรับตัวอย่าง: USD/JPY ทำให้คุณสามารถใช้ USD ซื้อ JPY หรือใช้ JPY ซื้อ USD

ตัวอย่างการซื้อขาย

ตัวอย่างเช่น: USD/EUR ที่ 1.2500 หมายความว่าคุณต้องจ่าย 1.25 ดอลลาร์ในการซื้อ 1 ยูโร คุณสามารถพูดได้ว่าถ้าคุณขาย 1 ยูโร คุณจะได้รับ 1.25 ดอลลาร์ ทุกการซื้อขายจะเกี่ยวข้องกับการซื้อสกุลเงินหนึ่งและขายอีกสกุลเงินหนึ่ง หากในวันถัดไป ยูโรเปลี่ยนแปลงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์อัตราแลกเปลี่ยนกลายเป็น 1.26 โดยที่แต่ละยูโรที่คุณซื้อมาจะทำให้คุณได้กำไร 1 เซนต์ หากคุณทำการซื้อขายในทิศทางตรงกันข้ามจะทำให้เกิดการสูญเสีย 1 เซนต์

การทำกำไรจากการซื้อขาย

ในตลาดฟอเร็กซ์ ผู้ค้าได้รับผลกำไรจากการซื้อขายสกุลเงิน โดยสกุลเงินมีราคา 2 แบบ: ราคาเสนอ (Bid Price) และราคาขาย (Ask Price) ระยะห่างระหว่างราคาขายและราคาซื้อเรียกว่า “สเปรด” ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างระหว่างราคาที่ตลาดซื้อขายสกุลเงิน สเปรดนี้เป็นแหล่งรายได้หลักของผู้ทำตลาด ตัวอย่างเช่น ราคาเสนอ/ขายของ EUR/USD คือ 1.2100/1.2200 ผู้ทำตลาดซื้อตัวหนึ่งของยูโรจากผู้ค้าในราคา 1.21 ดอลลาร์ แต่ขายในราคา 1.22 ดอลลาร์ หากผู้ค้าซื้อขายเร็วในอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะประสบกับการขาดทุน นี่เป็นผลจากสเปรดโดยที่ราคาซื้อสูงกว่าราคาขาย

การเสนอราคาในตลาดฟอเร็กซ์

การเสนอราคาในตลาดฟอเร็กซ์หมายถึงราคาของสกุลเงิน ซึ่งมีอยู่ 2 รูปแบบในตลาดฟอเร็กซ์: การเสนอราคาโดยตรงและการเสนอราคาโดยอ้อม การเสนอราคาโดยตรงคือราคาทุกๆ 1 ดอลลาร์ที่แสดงด้วยสกุลเงินอื่น การเสนอราคาโดยอ้อมคือราคาแต่ละหน่วยของสกุลเงินอื่นซึ่งแสดงด้วยดอลลาร์ โปรดทราบว่า: โดยทั่วไปแล้ว การเสนอราคาในตลาดฟอเร็กซ์มักจะเป็นตัวชี้วัดราคาที่ยังคงแสดงเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ (การเสนอราคาโดยตรง) แต่ EUR, GBP, AUD, NZD และ (ทองคำ XAU และเงิน XAG) จะมีการเสนอราคาโดยอ้อม เช่น: GBP/USD การเสนอราคาคือราคาที่มีการซื้อขายในคู่สกุลเงิน ซึ่งแตกต่างจาก “ราคาที่อ้างอิง” ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผู้ทำตลาดเสนอให้เพียงเพื่ออ้างอิง (เพื่อให้ผู้ค้าเข้าใจ ไม่ใช่ราคาที่สามารถซื้อขายได้จริง)