ความสำคัญของการเบรกแนวโน้ม

การเบรกแนวโน้มมีความหมายสำคัญต่อการเลือกเวลาในการซื้อและขาย และแม้แต่ผู้สร้างตลาดก็ยังมักจะดำเนินการตลาดตามการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้ม ดังนั้น การเข้าใจว่าเมื่อใดที่แนวโน้มมีการเบรกเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่อผู้ลงทุน จะเป็นการเบรกที่มีประสิทธิภาพหรือไม่

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย

ในความเป็นจริง ราคาสกุลเงินมักจะอยู่ในภาวะที่โตขึ้นหรือลงในบริเวณแนวโน้มที่กำหนดไว้ ความผิดพลาดในการตัดสินอาจหมายถึงความผิดพลาดในการดำเนินการในตลาด ดังนั้นเราจึงจะนำเสนอสักสองสามวิธีในการตัดสินใจและหลักการในตลาด แต่สภาพสถานการณ์ของตลาดตอนนั้นจะต้องถูกนำมาพิจารณในการวิเคราะห์อย่างละเอียด

การเบรกที่แท้จริงคือการเบรกที่ราคาปิด

นักวิเคราะห์ทางเทคนิคได้ศึกษาและพบว่าราคาปิดที่เบรกแนวโน้มคือการเบรกที่แท้จริงและเป็นสัญญาณที่ชัดเจนในการเข้าตลาด หากยกตัวอย่างกรณีของแนวโน้มที่ลงคือแนวต้าน หากราคาสินค้าเคยทะลุแนวต้าน แต่ราคาปิดยังต่ำกว่าแนวต้าน แสดงว่าตลาดได้พยายามขึ้นไปสูง แต่การซื้อหมดแรง และการขายคือสิ่งที่เกิดขึ้น สุดท้ายราคาจะกลับมาลงในเวลาปิดการซื้อขาย การเบรกนี้นักวิเคราะห์จึงถือว่าไม่ใช่การเบรกที่มีประสิทธิภาพ

หลักการตัดสินการเบรก

เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดในการเข้าตลาด นักวิเคราะห์ทางเทคนิคได้สรุปหลักการในการตัดสินใจเบรกจริงหรือหลอกไว้ดังนี้:

คำแนะนำในการสังเกต

A. สังเกตการเบรกต่อไปอีกหนึ่งวัน หากหลังจากการเบรกราคายังคงเคลื่อนตัวตามทิศทางที่เบรกไปในสองวันถัดไป จะถือว่าเป็นการเบรกที่มีประสิทธิภาพและเวลาที่ปลอดภัยในการเข้า นักลงทุนจะมีโอกาสมากขึ้น กล่าวคือ แม้ว่าราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงในวันที่สาม แต่ทิศทางที่ชัดเจนหมายความว่าผู้ลงทุนยังคงมีโอกาสในการประสบความสำเร็จมากกว่าการเข้าตลาดโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

การติดตามราคาสูงต่ำหลังการเบรก

B. สังเกตราคาเปิดและปิดหลังการเบรก หากวันใดราคาปิดทะลุแนวต้านลงไปในทางที่สูงขึ้น หากวันถัดไป ราคาซื้อขายสามารถข้ามราคาสูงสุดได้ แสดงว่ามีการซื้อเข้ามาในปริมาณมากหลังการเบรก ในทางกลับกัน ถ้าราคาที่เบรกแนวโน้มที่สูงลงไปและวันถัดไปมีการซื้อขายต่ำกว่าราคาต่ำสุด แสดงว่ามีแรงขายขนาดใหญ่ซึ่งควรจะมีการตัดสินใจขายตามคำแนะนำ